The Last Duel มีศูนย์กลางและที่มาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสถึงคดีสุดท้ายที่ตัดสินด้วยการดวลกันถึงชีวิตในปี 1386 ระหว่าง ฌอง เดอ คารูจส์ (รับบทโดยแมต เดมอน Matt Damon) กับ ฌาร์ค เลอ กรีส์ (รับบทโดย อดัม ไดรเวอร์ Adam Driver) 2 อัศวินในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 (รับบทโดย อเล็กซ์ ลอว์เธอร์ Alex Lawther) ที่ท่ามกลางไฟสงครามระอุกลับมีคดีชิงรักหักสวาทระหว่างพวกเขาเมื่อเลอ กรีส์ ถูกกล่าวหาว่าข่มขืน แม่นางมาเกอร์ริต เดอ คารูจส์ (รับบทโดย โจดี โคเมอร์ Jodie Comer) จนศาลตัดสินด้วยการให้ทั้งคู่ได้แลกชีวิตพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามที่กล่าวไปข้างต้น
เรื่องราวช่วงยุคกลางในประเทศฝรั่งเศสปี 1386 โดยมีศูนย์กลางเรื่องราวเป็นอัศวินสไควร์อย่าง ฌอน เดอ คาร์รูจส์ และ ฌาค เลอ กรีส์ ที่ร่วมรบเป็นแนวหน้าในหลายสมรภูมิ แต่ เลอ กรีส์ เป็นคนสนิทของท่านเคาทน์ปิแอร์ จึงได้รับการวางไว้ใจและก้าวหน้ามากกว่า จนกระทั่งวันนึง มาร์การิต ท่านหญิงลูกสาวของตระกูลธิบูวิลล์ ซึ่งสมรสกับเดอ คาร์รูจส์ มาหลายปี กล่าวหาว่า เลอ กรีส์ บังคับขืนใจเธอ เดอ คาร์รูจส์ จึงยื่นฟ้องต่อหน้าราชาพระเจ้าชาร์ลสที่ 6 ก่อนนำมาสู่การประลองดวลดาบระหว่างทั้งสองฝ่าย เพื่อให้พระเจ้าตัดสินความจริง ด้วยความตายของอีกฝ่าย
โดยรวมหากมองเผิน ๆ The Last Duel อาจจะเป็นการบอกเล่าการดวลดาบของสองอัศวินเยี่ยงชายชาตรีที่ดูกล้าหาญ หากแต่มันเป็นเรื่องราวของความโง่เขลาที่พูดถึงกาลสมัยที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ใช้อารมณ์ความลุ่มหลงและความเห็นแก่ตัวข่มเหงเพศหญิงให้กลายเป็นวัตถุทางเพศ การบอกเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของมาร์การิต ทำให้เรามองเห็นแง่มุมเรื่องราว “เยี่ยงวีรบุรุษ” ได้ชัดขึ้น เพราะจากทั้งสองตัวละครในมุมมองของเธอ การประลองที่ห้าวหาญที่มีความจริงและความตายเป็นเดิมพัน สุดท้ายก็เป็นเพียงการเดิมพันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้ชายสองคน ที่ไม่มีใครมองเห็นหัวของเธอเลยด้วยซ้ำ ต้องคารวะ Jodie Comer ที่ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของผู้หญิงในยุคชายเป็นใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังเฟมินิสต์ ยาว 2 ช.ม. ครึ่ง แต่เล่าเรื่องเดียวกันจาก 3 มุมมอง จึงไม่ได้รู้สึกยาวมาก
👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังแอคชั่นไซไฟ ได้ที่นี่
Comments
Post a Comment