Skip to main content

รีวิว The Last Duel (2021) เพราะเป็นหญิง (ในยุคชายเป็นใหญ่) จึงเจ็บปวด

The Last Duel  มีศูนย์กลางและที่มาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสถึงคดีสุดท้ายที่ตัดสินด้วยการดวลกันถึงชีวิตในปี 1386 ระหว่าง ฌอง เดอ คารูจส์ (รับบทโดยแมต เดมอน Matt Damon) กับ ฌาร์ค เลอ กรีส์ (รับบทโดย อดัม ไดรเวอร์ Adam Driver) 2 อัศวินในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 (รับบทโดย อเล็กซ์ ลอว์เธอร์ Alex Lawther) ที่ท่ามกลางไฟสงครามระอุกลับมีคดีชิงรักหักสวาทระหว่างพวกเขาเมื่อเลอ กรีส์ ถูกกล่าวหาว่าข่มขืน แม่นางมาเกอร์ริต เดอ คารูจส์ (รับบทโดย โจดี โคเมอร์ Jodie Comer) จนศาลตัดสินด้วยการให้ทั้งคู่ได้แลกชีวิตพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามที่กล่าวไปข้างต้น


เรื่องราวช่วงยุคกลางในประเทศฝรั่งเศสปี 1386 โดยมีศูนย์กลางเรื่องราวเป็นอัศวินสไควร์อย่าง ฌอน เดอ คาร์รูจส์ และ ฌาค เลอ กรีส์ ที่ร่วมรบเป็นแนวหน้าในหลายสมรภูมิ แต่ เลอ กรีส์ เป็นคนสนิทของท่านเคาทน์ปิแอร์ จึงได้รับการวางไว้ใจและก้าวหน้ามากกว่า จนกระทั่งวันนึง มาร์การิต ท่านหญิงลูกสาวของตระกูลธิบูวิลล์ ซึ่งสมรสกับเดอ คาร์รูจส์ มาหลายปี กล่าวหาว่า เลอ กรีส์ บังคับขืนใจเธอ เดอ คาร์รูจส์ จึงยื่นฟ้องต่อหน้าราชาพระเจ้าชาร์ลสที่ 6 ก่อนนำมาสู่การประลองดวลดาบระหว่างทั้งสองฝ่าย เพื่อให้พระเจ้าตัดสินความจริง ด้วยความตายของอีกฝ่าย




โดยรวมหากมองเผิน ๆ The Last Duel อาจจะเป็นการบอกเล่าการดวลดาบของสองอัศวินเยี่ยงชายชาตรีที่ดูกล้าหาญ หากแต่มันเป็นเรื่องราวของความโง่เขลาที่พูดถึงกาลสมัยที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ใช้อารมณ์ความลุ่มหลงและความเห็นแก่ตัวข่มเหงเพศหญิงให้กลายเป็นวัตถุทางเพศ การบอกเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของมาร์การิต ทำให้เรามองเห็นแง่มุมเรื่องราว “เยี่ยงวีรบุรุษ” ได้ชัดขึ้น เพราะจากทั้งสองตัวละครในมุมมองของเธอ การประลองที่ห้าวหาญที่มีความจริงและความตายเป็นเดิมพัน สุดท้ายก็เป็นเพียงการเดิมพันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้ชายสองคน ที่ไม่มีใครมองเห็นหัวของเธอเลยด้วยซ้ำ ต้องคารวะ Jodie Comer ที่ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของผู้หญิงในยุคชายเป็นใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังเฟมินิสต์ ยาว 2 ช.ม. ครึ่ง แต่เล่าเรื่องเดียวกันจาก 3 มุมมอง จึงไม่ได้รู้สึกยาวมาก 


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังแอคชั่นไซไฟ ได้ที่นี่

Comments

Popular posts from this blog

รีวิว Goddess of Fire (จองอี ตำนานศิลป์แห่งโชซอน) ประวัติศาสตร์ยุคโชซอน

แนะนำ   Goddess of Fire (จองอี ตำนานศิลป์แห่งโชซอน)  เป็นซีรีส์ประวัติศาสตร์ยุคโชซอน โดยบอกเล่าเรื่องราวของ จองอี หญิงสาวผู้มีพรสวรรค์และทักษะในการทำเครื่องปั้นดินเผา เธอมีความฝันที่จะเป็นนักปั้นมืออาชีพของโชซอน จึงได้หมั่นฝึกฝนและพัฒนาทักษะของเธออยู่เสมอ แต่เส้นทางความฝันของเธอกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป จองยีจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มากมาย เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย รวมถึงเรื่องความรักของเธอกับ องค์ชายกวางแฮ ที่แม้จะมีความรักในตัวจองอีเพียงใด ก็จำเป็นต้องปล่อยจองอีไป เพื่อความก้าวหน้าของจองอีเอง พรสวรรค์ที่มีพรสวรรค์และทักษะยูจุงมีจิตวิญญาณของศิลปะหลงใหลและความฝันของการเป็นด้านบนพอตเตอร์และศิลปินพอร์ซเลนของราชวงศ์โชซอน โชซอนเป็นคนมีชื่อเสียงของพอร์ซเลนสีขาว  อ้างว่าเป็นคนที่มีคุณภาพสูงที่สุดในศตวรรษที่ 16 เอเชียและ Jung เรียนรู้งานฝีมือของเธอในพอร์ซเลนการประชุมเชิงปฏิบัติการ  รัฐบาลอุดหนุนเตาเผาที่Bunwon-ri, กวางจู , โดยที่เซรามิกส์เป็นส่วนผสมของศิลปะและวิทยาศาสตร์  เรื่องราวของศิลปินหญิงซึ่งเป็นนักปั้นเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องลายคราม นามว่า "ยูจอง" (จองอี) โดยเรื่องรา

Ashes of Love : มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง

 นับว่าเป็นซีรี่ย์จีนย้อนยุคที่น่าชมอีกเรื่องเลยค่ะ กับเรื่อง Ashes of Love : มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง ดดยซีรี่ย์จีนเรื่องนี้สร้างมาจาก นวนิยายยอดนิยมของจีนเลยล่ะค่ะ และยังได้นักแสดงนำอย่าง หยางจื่อ เติ้งหลุนและหลัวหยุนซี มาร่วมสร้างสีสีนให้ซีรี่ย์เรื่องนี้อีกด้วย โดยเล่าถึง เรื่องราวหลายหลายอารมณ์มากๆๆ และความประณีตของชุดและเครื่องประดับคือปังมากๆๆค่ะ และยังเป็นหนังที่ทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ได้ดีอีกเรื่องเลยค่ะ แอดแนะนำเลยค่ะ กับเรื่องนี้พลาดไม่ได้นะคะ Ashes of Love เรื่องราว จินมี่ (หยางจื่อ) ลูกสาวของ เทพธิดาบุปผา (จางเหยนเยน) ที่เสียชีวิตหลังจากให้กำเนิดเธอ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเทพบุปผาได้เรียนรู้ถึงคำทำนายในอนาคตว่าจินมี่จะประสบกับเคราะห์กรรมแห่งความรักภายใน 10,000 ปี เพื่อหยุดสิ่งนี้เทพธิดาบุปผาเธอจึงให้จินมี่กินยาไร้รักเพื่อที่จะระงับความรู้สึกรักและการสัมผัสถึงความรัก ต่อมาเมื่อจินมี่โตขึ้นเธอเป็นเด็กสาวที่ไม่ประสีประสา ไม่รู้เรื่องราวความรัก ไม่สามารถแยกความต่างระหว่างเพศได้ ต่อมาไม่นานเธอได้ช่วยชีวิตนกตัวนึงที่ตกลงมาจากฟากฟ้า แต่เธอไม่รู้ว่าภายใต้ร่างนกนั้นกลับเ

รีวิว Cinderella Chef “สูตรรัก ซินเดอเรลล่า” พีเรียด - คอมเมดี้

แนะนำ ซีรีส์เรื่อง Cinderella Chef  สูตรรัก ซินเดอเรลล่า  เป็นละครแนวย้อนยุค-คอมเมดี้ ซึ่งหนุ่มบี้ เป็นพระเอกประกบคู่กับนางเอกสาว จ่งตานนี เป็นเรื่องราวของนางเอกที่ย้อนเวลาจากยุคปัจจุบันกลับไปโลกอดีต เป็นลูกสาวขุนนางผู้หนึ่งที่หนีทัพทหาร ซึ่งเธอมีความสามารถโดดเด่นเรื่องการทำอาหาร และได้พบกับพระเอกที่เป็นสายลับแฝงตัวมา โดยออกอากาศทางช่องเทนเซ็นต์ ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 20.00 น.ที่จีน รวมทั้งสิ้น 50 ตอน โดย สวีจื้อเสียน หรือ หนุ่มบี้ รับบทเป็น เซี่ยฉุนอวี้ พระเอกหนุ่มสุดหล่อมาดขรึม ที่แฝงตัวเป็นสายลับอยู่ในค่ายโจร ประกบคู่กับนางเอกสาว จ่งตันนี รับบทเป็น เย่เจียเหยา หญิงสาวผู้ชื่นชอบการทำอาหารในโลกยุคปัจจุบัน ที่เผอิญเดินทางข้ามภพไปในยุคอดีต และกลายไปเป็นลูกสาวของขุนนางยศสูง อีกทั้งฝีมือการทำอาหารของเธอก็ที่ไม่ธรรมดา ทำให้เธอชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสารทิศ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องแต่งงานกับ เซี่ยฉุนอวี้ แบบปลอมๆ  อย่างไก็ตามจัดว่าเป็นคู่พระนางที่มีเคมีเข้ากัน พระเอกหนุ่ม สวีจื้อเสียน หรือ บี้-ธรรศภาคย์ หนุ่มครึ่งไทย–ไต้หวัน มาขอประเดิมผลงานโกอินเตอร์เต็มตัวครั้งแรก ในรับบทของ เซี่ยฉุ