พญาโศกพิโยคค่ำ นี่คือหนังไทยที่เขียนบทและกำกับโดย ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์ ที่สร้างหนังสั้นและหนังแนวทดลอง หนังเรื่องนี้ได้รับเลือกให้เข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติร็อตเตอร์ดัม ในสาย Tiger Competition ที่เป็นสายประกวดของนักทำหนังดาวรุ่งรุ่นใหม่จากทั่วโลก เป็นหนึ่งในหนังไทยที่ถูกเลือกมาอยู่ในกลุ่ม Common Move และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ใช้หนังเพื่อผลักดันและสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย
เรื่องราวหนังไทยที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของประเทศไทยผ่านความสัมพันธ์ที่ปวดร้าวของสมาชิกในครอบครัว ๆ หนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงจากเหตุปราบปรามการประท้วงของเหล่านักศึกษาช่วงปี พ.ศ. 2516 และรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 ที่ทำให้เกิดความพลัดพราก ห่างหาย จึงโหยหา และร้าวราน ในหนังกล่าวถึงช่วงเวลาที่พลอย (สุนิดา รัตนากร) ยังคงอยู่ในภาวะโคม่าหลังจากประสบเหตุจมน้ำ ส่วนไพลิน (มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล) ผู้เป็นแม่ เธอเริ่มฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยทางจิตใจ ดูเธอจะยังคงคิดถึงสามีที่เป็นทหารและหายตัวไปนาน 3 ปีแล้ว แต่ในระหว่างนั้น ไพลินก็ได้พบรักกับน้องชายของสามี (ชลัฏ ณ สงขลา)
โดยรวมถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ให้ตัวเราได้เดินออกไปหาหนังสไตล์ใหม่ ๆ ได้รู้จักกับผลงานหนังไทยจากผู้กำกับและทีมงานที่ไม่เคยคุ้นบ้าง เพื่อจะได้รับรู้ว่า งานของคนไทยมีความหลากหลายและน่าสนใจยังไง เมื่อได้ยินชื่อของหนังเรื่องนี้ ก็อาจจะรู้สึกสะดุดหูอยู่บ้าง ชื่อของมันน่าจะมาจากเพลงไทยเพลงหนึ่งที่มีท่วงทำนองโศกเศร้าและใช้บรรเลงในงานศพ ซึ่งก็ดูจะบ่งบอกความเป็นหนังเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว เพราะมันเป็นหนังที่บอกเล่าถึงครอบครัวที่จิตใจแตกร้าวจากเหตุบ้านการเมือง
เนื้อหาในนั้น เล่าถึงการเมืองเรื่องภายนอกบ้าน ที่กัดกินจิตใจของหญิงสาว 3 รุ่นในครอบครัวนี้ บ้านเมืองที่เขาบอกว่ามันเป็นประชาธิปไตย แต่หลายครั้งหลายหนมันกลับอยู่ในคราบของเผด็จการ ทั้งยังถูกฝังกลบไม่ให้คนไทยส่วนใหญ่ได้จดจำ บ้านนี้เมืองนี้กลายเป็นเศษซากที่เน่าเปื่อยผุพัง รอวันชำระล้าง การเล่าเรื่องของหนังใช้ชั้นเชิงเล่าสลับเวลาเหมือนหนังเรื่องอื่น หากสิ่งที่แตกต่างไปคือ งานภาพที่เปลี่ยนเป็นสีขาวดำทั้งหมด ทำให้แม้แต่เลือดก็มองเห็นเป็นเพียงน้ำสีดำ แต่เพราะดนตรีประกอบนี่แหละที่ส่งเสริมให้ภาพต่าง ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ แนะนำหนังดัง หนังฮอลลีวูด ได้ที่นี่
Comments
Post a Comment