‘อโยธยา มหาละลวย’ เรียวสึ (เจมส์ – จิรายุ ตั้งศรีสุข) ชายหนุ่ม ที่มีความเป็นมาคลุมเครือ พ่อของเขาเป็นซามูไรที่ถูกทางการสังหารอย่างโหดเหี้ยม ส่วนแม่ของเขาถูกจับตัวไป และเขาได้รับการเลี้ยงดูโดยหลวงตา ซึ่งสอนให้เขาได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้และเวทมนตร์คาถา เพื่อใช้ป้องกันตัวในวันข้างหน้า ในวันที่เขาต้องการตามหาแม่ และตามหานางในดวงใจ ออสร้อย (โบว์-เมลดา สุศรี) หญิงสาวที่เขาช่วยจากการจมน้ำ เมื่อครั้งไปช่วยหลวงตาซ่อมวัดในอโยธยา
เรื่องในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ปลายราชวงศ์ปราสาททอง) ที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมายที่เข้ามาอาศัยและทำงานถวายบนแผ่นดินอโยธยา ‘ออกญาคชบาล’ (ศรุต วิจิตรานนท์) ได้กระทำตามสัจจะที่ให้ไว้แก่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ต้นราชวงศ์ปราสาททอง) ว่าจะออกกวาดล้างตระกูลชาวญี่ปุ่น ‘ยามาดะ’ ที่ถวายความจงรักภักดีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (ราชวงศ์สุโขทัย) เพื่อหวังไม่ให้ก่อการกบฏ เหลือแต่เพียงเด็กน้อย ‘เรียวสึ’ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ที่รอดชีวิตมาได้ และได้รับการชุบเลี้ยง สอนวิชาคาถาอาคมให้ เมื่อโตเป็นหนุ่ม เขาและ ‘ทอง’ (สพล อัศวมั่นคง) วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงตามอบให้ จึงต้องออกตามหาแม่ที่แท้จริง พร้อมกับตามหา ‘ออสายสร้อย’ (เมลดา สุศรี) อี้จี (คณิกาชั้นสูง) ผู้งดงามประจำโรงชำเรา ที่กำลังถูก ‘ขวัญ’ (ธนบดี ใจเย็น) บุตรของออกญาคชบาลชิงตัวไป โดยมีชาวอินเดียอย่าง ‘อาซิม’ (พงศกร วงศ์เพียร) และ ‘จีนล้ง’ (วิศรุต หิมรัตน์) เพื่อนชาวจีนคอยตามติดไปช่วยเหลือเรียวสึด้วย
โดยสรุปแล้วจะเห็นว่าตัวหนังมีจุดเด่นสำคัญคือเรื่องของการหยิบเอาเกร็ดประวัติศาสตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีบันทึกอยู่จริงมาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจครับ อย่างเช่นเรื่องของชาวต่างชาติที่ติดต่ออาศัยมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ในแผ่นดินพระนารายณ์โดยรวม ๆ ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูเอาเพลิน ๆ หรือดูแล้วก็อาจจะเกิดความอยากไปศึกษาด้านประวัติศาสตร์อยุธยาต่อ อะไรแบบนี้ แต่ด้วยบทและการตัดต่อที่มีปัญหา ธีมสายมูที่ดูจะยังไม่ค่อยจริงจังลงลึกเท่าที่ควร รวมทั้งไดอะล็อกและการแสดงที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังมูเตลู ที่ยังไม่ทันท่องมนต์จบ ก็ดันเป่าเสกคาถาโอมเพี้ยงเสียก่อนแล้ว
👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ แนะนำหนังดัง หนังฮอลลีวูด ได้ที่นี่
Comments
Post a Comment