Skip to main content

รีวิวหนัง Portrait of a Beauty จิตรกรหญิงในยุคโชซอนที่ต้องปลอมเป็นชาย

Portrait of a Beauty  จิตรกรหญิงในยุคโชซอนที่ต้องปลอมเป็นชาย ก่อนจะพบเจอเรื่องยุ่งเหยิงของความรักความสัมพันธ์ หนังหลายเรื่องเลยที่ใช้เวลาอยู่บนโลกยาวนานหลายปีกว่าจะถูกผู้คนค้นพบ บางเรื่องก้าวผ่านจากแผ่นฟิล์มที่ฉายตามโรงหนังมาจนถึงยุคดิจิตอล ผู้คนเพิ่งจะได้รับชมในรูปแบบสตรีมมิ่งทางทีวีหรือคอมพิวเตอร์ในบ้าน เช่นเดียวกันกับหนังเรื่องนี้ Portrait of a Beauty ที่เข้าโรงฉายมาตั้งแต่ปี 2008 แต่ในวันที่มันเข้าฉายใน Netflix และมีคนพูดถึง ทำให้เรามีโอกาสได้เปิดดูและความรู้จัก


มันเป็นหนังที่เล่าเรื่องเกาหลีในยุคโชซอน กับเรื่องราวที่ผสมผสานทั้งความรักและเสน่หาเย้ายวน เล่าเรื่องของจิตรกรหลวงที่เป็นผู้หญิงแต่เธอต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายด้วยความจำเป็น จนทำให้ต้องเผชิญกับเหตุชีวิตที่ยุ่งเหยิง ผลงานของดาราหญิง คิมกยูริ กับบทบาทที่ชวนเคลิบเคลิ้มไปกับงานภาพอันงดงามและหวามไหว ได้เวลาย้อนกลับสู่เกาหลียุคโชซอนอีกครั้ง!


เพราะความมุ่งหวังจะแสวงหาช่องทางก้าวสู่เส้นทางในวังใหญ่ทำให้ชินฮันพยอง จิตรกรหลวงผู้พยายามเหลือเกินที่จะผลักดัน ชินยุนบก ลูกชายให้กลายเป็นจิตรกรหลวง ถึงขนาดหลอกลวงว่าเขามีฝีมือด้านการวาดภาพ ทั้งที่ผลงานทั้งหมดเป็นของน้องสาว ในที่สุด เพราะความอับอาย ฮันพยองก็ต้องสูญเสียลูกชายไป และผู้เป็นพ่อก็เลือกให้ ชินยุนจอง (Kim Gyu Ri/คิมกยูริ) น้องสาวของยุนบก ปลอมตัวเป็นพี่ชายใช้ชื่อ ชินยุนบก เข้าไปร่ำเรียนในโรงเรียนจิตรกรรมหลวงภายใต้การดูแลของอาจารย์ คิมฮงโด (Kim Young Ho/คิมยองโฮ) ผู้ที่พระราชาโปรดปราน 


เพียงหนึ่งปี ยุนบก กลายเป็นจิตรกรที่ได้วาดภาพให้พระราชา เป็นที่ริษยาและถูกกลั่นแกล้งอยู่เนืองๆ ทั้งเธอยังต้องเก็บงำความลับนี้ไว้ แต่ยิ่งนานวันก็เหมือนยิ่งเสี่ยงที่ความลับนั้นจะถูกเปิดเผย หนึ่งคือ เธอสนิทสนมกับคังมู (Kim Nam Gil/คิมนัมกิล) ชายหนุ่มคนยากนักทำกระจก คนที่พาให้ยุนบกไปพบกับวิถีชีวิตชาวบ้านเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการวาดภาพของเธอ หลังพบว่าเธอเป็นผู้หญิง ความสัมพันธ์ก็ก่อตัวกลายเป็นความรัก ขณะเดียวกันก็กลายเป็นความปวดใจของคิมฮงโด เพราะอาจารย์ผู้นี้มีใจให้กับศิษย์สาว ความริษยาและความปรารถนาในตัวยุนบก….ล้วนนำมาซึ่งอันตราย


ไม่รู้ว่าจะมีใครเจอปัญหาเดียวกันหรือเปล่าในการดูหนังเกาหลีแนวพีเรียด เพราะด้วยเครื่องแต่งกาย ด้วยตัวละครฝ่ายชายที่ไว้หนวดเครา ทำให้เราสับสนใจการจดจำตัวละครได้ง่ายมาก จนทำให้บางทีหลุดไปจากการปะติดปะต่อเรื่องราว การจะดูหนังแนวนี้ สำหรับผมเอง บางทีต้องดูมากกว่าหนึ่งรอบ การดูหนังเกาหลีพีเรียดหนึ่งเรื่องจึงอาจจะใช้เวลาไปมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ อยู่พอสมควร



ภาพรวมในส่วนของบทหนังนั้น ใช้ประโยชน์ของเรื่องเล่าของความปรารถนา อารมณ์ และความหึงหวง ผสมผสานเรื่องศิลปะเข้าไปสร้างมีมิติมากยิ่งขึ้น แทรกใส่แง่มุมความคิดเกี่ยวกับศิลปะไว้อย่างแยบคาย การแสดงออกทางศิลปะไม่น่าจะมีถูกมีผิด สมควรหรือไม่ที่จะต้องมีกรอบของศีลธรรมมาครอบไว้ ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปะ ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่จะตีความ จะมองเป็นสิ่งสวยงามหรืออนาจารก็ควรขึ้นอยู่กับผู้มอง หนังดูจะไม่ค่อยให้ยุนบกกับคังมูได้มีบทพูดกันมากนักระหว่างที่อยู่กันสองต่อสอง ส่วนใหญ่มักเป็นภาษากายและสายตาเสียมากกว่า ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมีจุดพลิกผัน ผสมกับเรื่องอย่างว่าจึงชวนตามจนถึงตอนจบ จะเสียอยู่หน่อยก็ตรงที่พอถึงบทสรุป ดูเหมือนจะรวบรัดเร่งร้อนเกินไป เมื่อหนังจบลง เครดิตไหลขึ้นหน้าจอ คนดูจึงยังมึนๆ อยู่ว่า ‘อ้าว จบแล้วเหรอ’ อะไรประมาณนี้ อย่างที่ว่าไป แง่งามก็มี แต่ฉากวาบหวามนี่สิชวนให้ติดตาม



👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ ดูหนังเอเชีย

Comments

Popular posts from this blog

รีวิว The Coldest Game ( เกมลับสงครามเย็น ) อิงประวัติศาสตร์สงครามเย็น

The Coldest Game – เกมลับสงครามเย็น Netflix ภาพยนตร์อาชญากรรมคุณภาพและชาญฉลาด อิงประวัติศาสตร์สงครามเย็น ผ่านการแข่งขันหมากรุกระหว่างสองชาติมหาอำนาจของโลก ภาพยนตร์ระทึกขวัญจากประเทศโปแลนด์ โดย Netflix เรื่องราวเกี่ยวกับยุคสงครามเย็น ดำเนินเรื่องโดย Joshua Mansky อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ เขาได้เป็นตัวแทนสหรัฐในการแข่งขันหมากรุกกับสหภาพโซเวียต แต่ในการแข่งขันมีอะไรที่มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองและสถานการณ์ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น การหาตัวคนทรยศภายในทีม และหาทางหยุดความขัดแย้งระดับโลกนี้ไว้ เรื่องราว ในปีพ. ศ. 2505 ในช่วงสงครามเย็นนักหมากรุกชาวอเมริกันโจชัวแมนสกี เดินขึ้นไปบนเวทีไปยังโต๊ะที่คู่ต่อสู้ของโซเวียตนั่งอยู่แมนสกีเข้าร่วมกับคู่ต่อสู้ของเขาและมองไปที่มือที่เปื้อนเลือดของเขาเองอย่างประหม่า เจ็ดวันก่อนหน้านี้แมนสกีอยู่ในบาร์และปิดการรายงานข่าวทางทีวีเกี่ยวกับการแข่งขันหมากรุกระหว่างปรมาจารย์ชาวอเมริกันจอห์นโคนิกส์เบิร์กและยูริกราฟริรอฟผู้ท้าชิงของโซเวียต เขาชนะเกมไพ่ในขณะที่ล้อเล่นเกี่ยวกับซาร์บอมบาแห่งโซเวียต เมื่อแมนสกีออกจากบาร์เขาก็ถูกลักพาตัวไปในรถ จากนั้นเขาก็ถู...

รีวิว กูแฮรยอง นารีจารึกโลก (Rookie Historian Goo Hae-ryung)

แนะนำซีรี่ย์เรื่อง  Rookie Historian Goo Hae Ryung ซีรี่ย์พีเรียดโรแมนติกเรื่องใหม่ของ ชินเซคยอง-ชาอึนอู พระเอกคือเจ้าชายโดวอนอีริม เจ้าชายที่ไม่มีใครสนใจ ถูกกักบริเวณไว้ไนตำหนัก ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครใส่ใจ ต่อสู้ไม่เป็น ซึ่งเหมือนจะมีปมอะไรซักอย่าง แต่พี่ชายที่เป็นองค์รัชทายาทดูจะเอ็นดูเป็นพิเศษ องค์รัชทายาทก็เก่ง ฉลาด ดูดีเหลือเกิน ส่วนพระเอกชอบเขียนนิยาย และได้เขียนนิยายรักโรแมนติกออกมาขาย โดยเรื่องราวของ กูแฮรยอง อาลักษณ์หญิงในวัง ด้วยความที่เป็นผู้หญิงทำให้เธอถูกมองว่าไม่เหมาะสม แต่เธอก็ไม่หวั่นและทำหน้าที่ในการเป็นนักประวัติศาสตร์ของเธออย่างเต็มที่ องค์ชาย อีริม เป็นองค์ชายที่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่เขาแอบเขียนนิยายรักโรแมนติกขายให้คนอ่านติดใจ จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในขณะที่นางเอกเป็นคนอ่านหนังสือเยอะ ฉลาด เก่ง แต่วิจารณ์นิยายพระเอกเละเทะว่าเป็นเรื่องน้ำเน่าไร้สาระ เลยเป็นศัตรูกันตั้งแต่เริ่มเรื่อง นางเอกเป็นพวกหัวตะวันตก ไม่ยอมแต่งงาน โชคดีที่สอบเป็นอาลักษณ์หญิงได้ เข้ารับราชการในวัง  แต่กลับถูกคนทั้งวังดูถูก เพราะเป็นผู้หญิง ในสมัยก่อนผู้หญิ...

รีวิว six flying dragon (6 มังกร กำเนิดโชซอน) สปีชก่อนตายของกิลแทมี ยอดนักดาบแห่งเกาหลีในช่วงปลายยุคอาณาจักรโครยอ

แนะนำซีรี่ส์เกาหลีแนวพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ที่เพื่อน ๆ บางคนอาจพลาดไปกับเรื่อง  six flying dragon  6 มังกร กำเนิดโชซอน เป็นซีรี่ส์พีเรียดอิงประวัติศาสตร์ มีทั้งช่วงชิงอำนาจ ชิงไหวชิงพริบ กลวิธีต่าง ๆ ที่ทำให้เราถึงกับ ว้าวววว มีวลีเด็ดถึงใจ ถ้าใครชอบแนวนี้บอกเลยว่าควรค่าแก่การดูอย่างมาก โดยเรื่องราวเล่าผ่านตัวละคร 6 ตัวที่แสดงเอกลักษณ์ได้อย่างชัดเจนและลงตัว โดยเรื่องราวเหตุการณ์วุ่นวายตั้งแต่ยุคปลายราชวงศ์โครยอไปจนถึงต้นราชวงศ์โชซอน โดยนำเสนอผ่านเรื่องราวของ 6 ตัวละครที่ร่วมมือกันสถาปนาราชวงศ์ "โชซอน" แต่ภายหลังได้เกิดความขัดแย้งด้านอุดมการณ์และแนวคิดทางการเมืองระหว่าง "ลี บังวอน" กับ "ชอง โดจอน" โดยชอง โดจอนเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยให้บิดาของบังวอน "ลี ซองกเย" (พระเจ้าแทโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน) ก่อตั้งและสถาปนาอาณาจักรโชซอนได้สำเร็จ ชอง โดจอนต้องการให้เหล่าขุนนางในราชสำนักช่วยกันขับเคลื่อนบ้านเมือง (ทุกเรื่องต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาขุนนาง) ขณะที่บังวอน  (ภายหลังคือ "พระเจ้าแทจงแห่งโชซอน")  ต้องการรวบอำนาจในการบริหารบ้านเม...